Translate

Wednesday, August 14, 2013

เรียน Grammar จาก Quote

เนื่องด้วยเป็นคนที่ชอบอ่าน quote หรือคำพูดของคนอื่น (ไม่รู้จะใช้คำว่าอะไรดี) อยู่บ่อยๆ ก็เลยทำให้เล็งเห็นว่า นอกจากจะได้ข้อคิด ปรัชญาแล้ว เรายังได้หลักการใช้ภาษา (หรือไวยากรณ์) มาเป็นของแถมด้วยนะ ทำให้เราไม่ต้องไปนั่งท่องตำราที่น่าเบื่อเพื่อให้ได้ความรู้นะ

แน่นอนว่าเราจะได้เรียนรู้คำศัพท์ใหม่ๆจากการอ่าน quote แต่ที่ลึกซึ้งกว่านั้นก็คือ เราจะได้ซึมซับหลักไวยากรณ์ไปในตัว (ขออนุญาตใช้ภาษาไทยสำหรับคำศัพท์ที่มีในภาษาไทยแล้ว) เวลาที่เราจะใช้พูดหรือเขียนมันก็จะออกมาเป็นธรรมชาติเอง



เริ่มกันที่รูปภาพนี้ละกัน ประโยคหลัก(ใจความสำคัญ) คือ And those were thought to be insane by those. (คนกลุ่มหนึ่งถูกคิดหรือมองว่าเป็นคนบ้าโดยคนอีกกลุ่มหนึ่ง หรือแปลง่ายๆก็คือ คนกลุ่มหนึ่งมองว่าคนอีกกลุ่มหนึ่งเป็นบ้า) และประโยคหลักก็มีส่วนขยายอีกสองประโยคคือ ประโยคส่วนขยายแรก who were seen dancing ซึ่ง who ในที่นี้หมายถึงคนกลุ่มแรกที่ถูกตัดสิน(ว่าเป็นคนบ้า) จากการเต้นร้องรำทำเพลงและประโยคส่วนขยายอีกประโยคคือ who could not hear the music ก็หมายถึงคนกลุ่มที่สอง ที่มองกลุ่มแรกว่าเป็นคนบ้า ซึ่งคนกลุ่มที่สองนี้เป็นคนกลุ่มที่ไม่ได้ยินเสียงดนตรี หรือหมายความประมาณว่าเป็นพวกไม่มีดนตรีในหัวใจนั่นเองค่ะ

จะสังเกตเห็นว่า ถ้าเราอ่านประโยคทั้งประโยคไปรวดเดียว เราอาจจะงงได้ง่ายๆ แต่ถ้าเรามาลองวิเคราะห์ดูว่าประโยคนั้น สามารถแยกย่อยออกมา เป็นประโยคใจความหลัก และประโยคย่อยได้อย่างไรบ้าง ก็จะทำให้เราเข้าใจความหมายมากขึ้นค่ะ เและถ้าเราได้อ่าน quote บ่อยๆ เราก็จะฝึกทักษะการอ่านแบบวิเคราะห์และจับใจความไปได้เอง



ทีนี้มาดูเรื่อง Tense กันบ้าง ดูประโยคหลักก่อน I am who I am today. สังเกตว่าประโยคนี้กล่าวถึงสถานการณ์ปัจจุบัน เลยใช้ Present Tense ตรงคำว่า I am และ who I am สังเกตว่า คำว่า today ก็ช่วยให้เห็นภาพชัดเจนว่าเป็นปัจจุบัน แต่ในส่วนเติมเต็มประโยคด้านหลังที่บอกว่า because of the choices I made yesterday สังเกตว่า เขาใช้คำว่า I made (กริยาช่อง 2 ของ make) เนื่องจากในจะสื่อว่าเป็นการตัดสินใจในอดีต (yesterday) ดังนั้นประโยคนี้ประกอบด้วย 2 tenses ก็คือ ฉันเป็นฉันได้ทุกวันนี้(ปัจจุบัน) ก็เป็นผลมาจากสิ่งที่ฉันเลือกเมื่อวานนี้(อดีต)



ทีนี้หลายคนพอเจอข้อความนี้อาจจะงง ว่าทำไมมีคำว่า yesterday แต่ใช้คำว่า is ไม่ใช้ was แล้วทำไมมีคำว่า tomorrow แล้วดันใช้ is ไม่ใช้ will be เอาล่ะ ก่อนอื่น เราเข้าใจหรือเปล่าว่า ทำไม yesterday ถึงจะต้องใช้ was และ tomorrow จะต้องใช้ will be คืออย่างนี้ค่ะ การเปลี่ยนกริยาเป็นช่อง 2 หรือเติม will จะทำเมื่อเหตุการณ์เกิดขึ้น ณ เวลานั้น อย่างรูปก่อนหน้านี้ที่บอกว่า I made (the choices) yesterday. ก็คือ ฉันตัดสินใจเมื่อวานนี้ หรือ I will go to see the movie tomorrow. ก็คือฉันจะไปดูหนังพรุ่งนี้ ซึ่งกริยาสื่อว่าทำอะไรในช่วงเวลาไหน

แต่อย่างในกรณีนี้ Yesterday is history. ความหมายคือเมื่อวานนี้เป็นประวัติศาสตร์ ซึ่งไม่ได้สื่อว่าเป็นการกระทำของเมื่อวานนี้ แต่ประโยคนี้เป็นข้อเท็จจริงว่า เมื่อวานเป็นเหตุการณ์ประวัติศาสตร์(หรือเหตุการณ์ที่ย้อนกลับมาไม่ได้แล้ว) ไม่ว่าจะเป็นวันนี้ พรุ่งนี้ หรือมะรืนนี้ ก็ยังมีเมื่อวานอยู่ ดังนั้นมันไม่ใช่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีตแล้วจบ แต่เป็นความจริงที่ว่า ไม่ว่าจะวันไหน เราก็ยังมีเมื่อวานเสมอ สำหรับประโยค Tomorrow is a mystery. ก็เช่นกัน ประโยคนี้ไม่ได้บอกว่าใครจะทำอะไรในอนาคต แต่บอกความจริง ว่าวันพรุ่งนี้ยังคงเป็นเรื่องปริศนา (ที่ยังไม่มีใครบอกได้ว่าจะเกิดอะไร)  เมื่อเป็นข้อเท็จจริงที่ว่า ไม่ว่าจะวันไหนๆ ก็มีวันพรุ่งนี้อยู่เสมอ จึงใช้คำว่า is  




มาที่เรื่องจำนวนกันบ้าง คำว่า every ที่แปลว่าทุกๆ สื่อความหมายว่า แต่ละอัน/แต่ละสิ่ง ซึ่งก็แสดงถึงความเป็นเอกพจน์ และโดยปกติก็จะใช้กับนามเอกพจน์เช่น every single man เหมือนคำพูดข้างบนนี้ที่ใช้ Everybody is a genius. แต่ทีนี้ลองสังเกตคำพูดข้างล่างดูสิคะว่าทำไม every ถึงใช้กับพหูพจน์อย่าง sixty seconds
โดยปกติจำนวนโดยตัวของมันเอง ก็จะบอกว่าเป็นเอกพจน์หรือพหูพจน์ เช่น I have three dogs. They are playing with my children. ก็คือจะบอกว่า ฉันมีสุนัขสามตัว พวกมันกำลังเล่นกับลูกของฉันอยู่ สังเกตว่าเป็นพหูพจน์ จึงใช้คำว่า they are ซึ่งโดยปกติก็จะเป็นเช่นนี้ แต่ใน quote ด้านบน every sixty seconds ในกรณีนี้ วินาทีทั้ง 60 ถูกเหมารวมเป็นกลุ่มก้อนเดียวกัน (ต้องมี 60 วินาที ถึงจะประกอบกันเป็นหนึ่งนาที) จึงใช้คำว่า is ไม่ใช่ are กรณีเช่นนี้ เราอาจจะพบเห็นได้ทั่วไป เช่นเมนูอาหาร bacon and eggs ที่ดูเหมือนจะเป็นพหูพจน์ แต่จริงๆแล้วถ้าจะพูดว่าเป็นเมนูอาหาร(จานเดียวกัน) ก็จะใช้เป็นเอกพจน์ เช่น  Bacon and eggs is a popular breakfast meal in many countries. เพราะในกรณีนี้ เราหมายความเป็นกลุ่มก้อนค่ะ

หากมีข้อสงสัยสามารถสอบถามและติดตามเราได้ทาง Facebook ที่ชื่อว่าKnowledge Is All Around  (https://www.facebook.com/knowledgeisallaround) นะคะ

ขอบคุณรูปภาพจาก
1. http://vasare.wordpress.com/2012/06/26/good-summer-vibes-photo-diary-part-1/
2. http://www.tattoodonkey.com/kushandwizdom-kush-and-wizdom-quote-quotes-tattoo/leblogdelalingerie.com*wp-content*uploads*kush-and-wizdom-tumblr-quotes-517.jpg/
3. http://www.wordsonimages.com/photo?id=54796-John+irving+famous+quotes+4
4. http://inspirationboost.com/yesterday-is-history
5. http://riotlainie.buzznet.com/photos/qotw/?id=60105591
6. http://kootation.com/rumi-quote-jpeg.html

No comments:

Post a Comment