Translate

Wednesday, June 26, 2013

เรียนภาษาอังกฤษจากการอ่านไปเรื่อย(เปื่อย)


สวัสดีค่ะ วันนี้เราจะมาพูดกันถึงเรื่องการเรียนภาษาอังกฤษจากการอ่านไปเรื่อยเปื่อยนะคะ สมัยนี้ข่าวสารอะไรๆก็ไปได้ทั่วถึงหมดเพราะเรามีโซเชียลมีเดียที่พร้อมจะนำเสนอข้อมูลอะไรให้เรามากมาย ยกตัวอย่างเมื่อเช้านี้นุชก็เข้า Facebook ไปเช็คข้อมูลข่าวสารไปเรื่อย ก็ไปเจอกับบทความหนึ่งที่เป็นบทความตลกเชิงเสียดสีเกี่ยวกับอาชีพของพนักงานต้อนรับบนเครื่องบิน (Flight Attendant หรือ Cabin Crew หรืออาจะรู้จักในชื่อ stewards/stewardesses หรือ air hosts/hostesses)

พออ่านบทความจบก็สังเกตเห็นว่า มีส่วนที่เป็นเว็บลิงค์ไปยังอีกเว็บหนึ่งที่ขึ้นหัวข้อว่า Stars without Makeup พร้อมกับโชว์หน้าดารานักร้องสาวนางหนึ่ง ซึ่งเราก็อยากจะเห็นรูป เพราะรู้สึกว่านักร้องคนนี้เป็นคนที่ ถ้าไม่แต่งหน้าก็ไม่ขี้ริ้วอะไร ว่าแล้วก็ต้านทานความอยากรู้อยากเห็นไม่ไหว ก็เลยคลิกเข้าไป

ทีนี้เราก็เข้าไปดูรูปแล้วก็เลื่อนลงมาอ่านคอมเม้นท์ข้างล่างก็พบว่ามีคน [ฝรั่ง] คนหนึ่ง  ต่อว่านักร้องสาวนางนี้ว่าไม่ชอบการร้องเพลงของเธอเลย ทั้งการร้องสดและการลิปซิงค์ เอาล่ะสิ งานนี้เราดันเจออะไรที่ไม่คาดฝัน ไม่ใช่ว่าโมโหแทนหรืออะไรนะคะ คืออย่างนี้ค่ะ ตาฝรั่งคนนี้เขียนคำว่า ลิปซิงค์ เป็น lip synch ซึ่งตามที่เราเข้าใจตอนแรก ก็คิดว่ามันน่าจะเขียนว่า lip sing(ing) แต่เอ...ทำไมเขาถึงเขียนอย่างนี้ล่ะ หรือว่ามันจะเป็นการแปรสภาพคำแบบเปลี่ยนบางตัวอักษรแต่เสียงยังคงเดิม (เช่นภาษาวัยรุ่นหรือพวกฮิปฮอปจะใช้คำว่า muzik แทน music โดยที่เป็นการเปลี่ยนตัวอักษร แต่การออกสียงยังคงเดิม ก็คงคล้ายๆกับภาษาวัยรุ่นคำว่า เธอ เขียนว่า เทอ อะไรทำนองนี้มั้งคะ) อย่างคำว่า synch อ่านออกเสียงก็คล้ายๆกับ sing อยู่นะ



ว่าแล้วด้วยความสงสัย ก็เลยวิ่งไปหาอากู๋ (Google) เผื่อว่าแกจะช่วยคลายความสงสัยลงได้ ทายสิคะเว็บแรกที่โชว์ข้อมูลเราแบบสะดุดตาคืออะไร ............... ถูกต้องค่ะ วิกิพีเดียค่ะ (ไม่ได้ค่าโฆษณานะคะ) พี่วิกี้นี่เป็นผู้มีพระคุณมากเลยค่ะ แกบอกเรามาเกินกว่าที่เราสงสัยอีกนะ เอาล่ะ มาเข้าเรื่องกันดีกว่า คำว่าลิปซิงค์ ฉบับเต็มๆก็คือ lip synchronization ดังนั้นถ้าจะเขียนให้ถูกต้องก็คือ Lip sync, lip-sync หรือ lip-synch ค่ะ ซึ่งคำว่า synchronize มีความหมายว่า ทำหรือเกิดขึ้นในเวลาเดียวกัน ดังนั้นถ้าจะให้แปลความหมายก็ประมาณว่า เป็นการใช้ริมฝีปากไปพร้อมๆกับการเปิดเพลงหรือเสียงที่อัดไว้แล้วนั่นเอง

แต่ช้าก่อน!! พี่วิกกี้ไม่ได้ให้คำจำกัดความของการลิปซิงค์ไว้แค่การร้องเพลงที่เปิดไปพร้อมกับเสียงที่อัดไว้อยู่ก่อนแล้วนะคะ แต่คำนี้หมายความรวมไปถึง การเอาเสียงที่บันทึกไว้แล้ว มาเปิดทับวิดีโอหรือเทปบันทึกบางประเภท เช่น การพากษ์เสียงในหนัง (บางทีก็ใช้คำว่า dub) ซึ่งก็ทำให้เราได้รับความรู้เพิ่มเติมว่า ลิปซิงค์หรือการพากษ์มีหลายแบบ แบบที่พากษ์เสียงภาษาเราทับเสียงภาษาเดิม (Original Soundtrack) หรือหนังจำพวก musical ก็จะมาลิปซิงค์หรือมาใส่เพลงที่ร้องทีหลังให้เข้ากับปากนักแสดงในเทปที่อัดไปแล้ว ซึ่งขั้นตอนนี้ทำตอนบันทึกหนังเสร็จแล้ว (ก็แน่ล่ะสิ!!) แต่ถ้าเป็นแบบหนังแอนนิเมชั่น จะพากษ์เสียงก่อนที่เค้าจะสร้างตัวละครโดยใช้กราฟฟิก (เพราะต้องมีการวาดปากให้ขยับตรงกับคำพูดที่พูดออกมา) ซึ่งการลิปซิงค์แบบนี้ก็ใช้กับการสร้างเกมส์ด้วยนะ

แต่ถ้าพูดถึงเรื่องการร้องเพลง หลายคนไม่ชอบการลิปซิงค์นะ ซึ่งเราก็(เคย)เป็นหนึ่งในคนเหล่านั้น เพราะรู้สึกว่าเหมือนโดนหลอก แต่แล้วพี่วิกกี้ก็ทำให้เราได้เห็นมุมมองอื่นมากขึ้นว่า บางทีนักร้องก็มีเหตุผลในการลิปซิงค์นะ บางคนต้องเต้นไปร้องไป ถ้ามัวแต่ร้องสด คนดูอาจจะทนกับเสียงหอบแฮ่กๆไม่ไหวก็ได้ หรือบางคนป่วยหรือร่างกายไม่เอื้ออำนวยจริงๆ ประมาณว่าถ้าร้องสด เสียงอาจจะสยองก็ได้ ก็เลยจำเป็นต้องลิปซิงค์ หรือบางทีถ้าไปออกรายการทีวี เค้าจะขอให้ลิปซิงค์แทนการร้องสด เพราะไม่ต้องใช้เวลาในการซ้อมนักดนตรีก่อนอัดเทปนานนัก

พูดไปพูดมา ชักจะออกอ่าวไทยไปแล้วค่ะ >.< เอาเป็นว่าถ้าอยากจะบอกว่านักร้องคนนี้ไม่ได้ร้องสด ก็ใช้คำว่า lip synch ย่อๆก็ได้ หรือจะใช้อีกคำว่า mime (คำนามคือ miming ค่ะ) หรือ dub ก็ใกล้เคียงค่ะ

ตอนหน้าเราจะพูดกันถึงคำว่า synchronize ค่ะ ว่าทำไมเขียนยากและยาวจัง มันมีที่มาอย่างไร รอติดตามกันนะคะ

หากมีข้อสงสัยสามารถสอบถามและติดตามเราได้ทาง Facebook ที่ชื่อว่าKnowledge Is All Around  (https://www.facebook.com/knowledgeisallaround) นะคะ

ขอบคุณ Wikipedia สำหรับข้อมูลและรูปจาก http://stocktoons.com/design/stock-cartoon-of-a-man-in-a-blue-suit-singing-by-ron-leishman-1626

3 comments:

  1. เพิ่งรู้นะเนี่ยวว่าย่อมาจาก synchronize
    ได้ความรู้ดีจริงๆ 😁😁

    ReplyDelete
  2. เพิ่งรู้เลย ชอบๆๆ ขอบคุณนะค้าบเจเจ้ : )

    ReplyDelete
  3. ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามค่ะ ^^

    ReplyDelete