Translate

Tuesday, November 26, 2013

เก่งภาษาอังกฤษจากซีรีส์ (ตอนที่ 2) - Paraphrasing

ตอนที่แล้ว http://english-is-all-around.blogspot.com/2013/11/1.html เราพูดกันถึงเรื่อง ประโยชน์ของการดูซีรีส์ทำให้เราได้เข้าใจและระวังการเลือกใช้ tense เพื่อสื่อความหมายให้ถูกต้อง ครั้งนี้จะขอกล่าวถึงอีกประโยชน์นึงของการดูซีรีส์ละกันนะคะ

ตอนที่แล้ว นุชได้พูดถึงซีรีส์เรื่องหนึ่งที่ชื่อว่า Ghost Whisperer ซีรีส์เรื่องนี้ นางเอกจะเป็นคนที่่คอยช่วยเหลือวิญญาณที่ยังคงวนเวียนอยู่ในโลกนี้ด้วยความกังวลหรือแค้นอะไรซักอย่าง ซึ่งการที่นางเอกจะทำให้วิญญาณเหล่านี้ไปผุดไปเกิด (cross over) ก็จะต้องคอยเป็นสื่อกลางพูดคุยระหว่างวิญญาณนั้นกับคนที่เค้ายังติดค้างอยู่ เช่น ญาติพี่น้อง พ่อแม่ หรือคู่แค้น ฯลฯ ดังนั้น สิ่งที่นางเอกต้องทำก็คือการฟังคำพูดจากวิญญาณนั้น แล้วพูดออกมาให้บุคคลนั้นฟัง (ก็เนื่องจากว่า นางเอกมีความสามารถพิเศษในการสื่อสารกับคนตาย) ดังนั้นสิ่งที่นางเอกทำก็คือการถ่ายทอดข้อความ หรือ paraphrasing



Paraphrase คืออะไร เนื่องจากคำนี้ไม่มีคำแปลในภาษาไทยที่มีตรงตัว จึงต้องขออธิบายว่า หมายถึง การนำคำพูดหรือความคิดจากคนอื่นมาเปลี่ยนให้เป็นคำพูดในสไตล์เราแต่ยังคงความหมายหรือไอเดียเดิมไว้ ในที่นี้ไม่ได้หมายถึงการแปลจากภาษาหนึ่งไปอีกภาษาหนึ่งนะคะ แต่เป็นการเปลี่ยนลักษณะของคำที่ใช้โดยยังคงความหมายเดิม(ในภาษาเดิม)

ตัวอย่างเช่น

Nick is a butcher. ก็อาจจะ paraphrase ได้เป็น Nick makes a living by selling meat.

อีกประโยคหนึ่ง   Anne is Peter's mother.  ให้คิดเล่นๆว่าจะ paraphrase ได้ว่าอะไรบ้าง ..... ติ๊กต่อก..... เอาละ ขอเฉลยละกัน  Peter is a son of Anne. หรือได้เป็น Anne gave birth to Peter. ซึ่งทั้งสามประโยคให้ความหมายเดียวกัน (อาจจะมีประโยคที่แตกต่างจากนี้ แต่ถ้าได้ความหมายคงเดิม ก็ไม่ผิดแต่ประการใด)

หลายคนอาจจะสงสัยว่า มี paraphrase ไปเพื่ออะไร ลองสังเกตประโยคข้างบนเมื่อครู่นี้ดู จะพบว่า การ paraphrase ทำให้ภาษามีลูกเล่นมากขึ้น สามารถพลิกแพลงได้หลากหลาย จัดว่าเป็นศิลปะในการใช้ภาษาอย่างหนึ่ง ซึ่งก็ทำให้คนอ่านหรือคนฟัง ไม่เบื่อในสิ่งที่เราพูดหรือเขียน นอกจากนี้เรายังพลอยได้เรียนรู้คำศัพท์เพิ่มขึ้นอีกด้วย (ในภาษาไทยก็มี เช่น แทนที่จะพูดว่า คนเราจะมีคนรักหรือเกลียดก็ขึ้นอยู่กับคำพูด ก็ paraphrase เป็น เป็นมนุษย์สุดนิยมเพียงลมปาก จะได้ยากโหยหิวเพราะชิวหา (สุนทรภู่)- เห็นมั๊ยคะ ดูมีศิลปะขึ้นตั้งเยอะ) 



ตัวอย่างเช่น If we work together, we will finish the job successfully.  ก็สามารถ paraphrase ได้ว่า Our collaboration makes us accomplish the job prosperously. จะสังเกตได้ว่า หากเราพยายามฝึก paraphrase จะทำให้เราค้นคว้าหาคำศัพท์ใหม่ๆที่ความหมายเหมือนกัน อย่างในประโยคที่ว่ามา แทนที่เราจะเขียนว่า work together เราก็ใช้ว่า collaborate หรือคำว่า successfully ก็เปลี่ยนเป็น prosperously ประโยคเราก็จะดูดีขึ้น (แอบไฮโซขึ้นนะเนี่ย ^o^)

นอกจากนี้ประโยชน์ของการ paraphrase ก็คือ เป็นการเปลี่ยนคำพูด โครงสร้างประโยค เพื่อจะได้ไม่เป็นการลอกเลียนแบบผลงานเขียนหรือคำพูดคนอื่นมา (เป๊ะๆ) ภาษาปะกิดเรียกว่าเป็นการขโมยผลงาน (Plagiarism) ซึ่งประโยชน์ของการ paraphrase ในข้อนี้ นักศึกษาที่จะไปเรียนต่อต่างประเทศจะรู้ดีทีเดียว โดยเฉพาะถ้าจะไปเรียนต่อประเทศทางแถบอเมริกา เพราะเค้าค่อนข้างซีเรียสในเรื่องการขโมยผลงานมากค่ะ ดังนั้นหากใครยากจะไปเรียนต่อ ก็ฝึกๆไว้นะคะ ไม่เสียหลาย ตรงกันข้าม ทำให้เราเก่งภาษามากขึ้นด้วย สำหรับใครที่สนใจสามารถอ่านเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ของ Perdue University ที่ https://owl.english.purdue.edu/owl/owlprint/619/

หากมีข้อสงสัยสามารถสอบถามและติดตามเราได้ทาง Facebook ที่ชื่อว่าKnowledge Is All Around  (https://www.facebook.com/knowledgeisallaround) นะคะ

ขอบคุณรูปภาพจาก
http://ulovesomethingmore.com/2013/04/gossip-going-going-gone/

Tuesday, November 5, 2013

เก่งภาษาอังกฤษจากซีรีส์ (ตอนที่ 1) - Tenses

เคยได้ยินหลายๆคนพูดว่า ชอบดูซีรีส์ บางคนก็ดูเพื่อความบันเทิงอย่างเดียว แต่บางคนก็ได้ภาษาขึ้นมาเป็นผลพลอยได้ ใช่ค่ะ การดูซีรีส์ก็เป็นวิธีการเรียนภาษาอังกฤษวิธีหนึ่งที่สนุกและก็ได้ซึมซับภาษาไปในตัวด้วย (เว้นแต่ว่าคุณจะดูเป็นพากษ์ไทย หรืออ่านคำบรรยายภาษาไทยตลอดเวลา อันนี้ก็อาจจะได้ไปแต่ความบันเทิงนะคะ)

เอาล่ะ ถ้าเราอยากได้ภาษา เราต้องอย่ากลัวที่จะเผชิญหน้ากับมัน บางคนกลัวว่าจะฟังไม่ออกแล้วดูไม่รู้เรื่อง เชื่อเถอะค่ะ ว่าคนที่ไม่ใช่เจ้าของภาษาต้องมีความกลัวเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ขึ้นอยู่กับว่าคุณจะพุ่งเข้าหามันหรือเปล่า เท่านั้นเอง




ลองคิดดูสิว่า เด็กแลกเปลี่ยนหรือคนที่ไปทำงานต่างประเทศเป็นครั้งแรก ต่างก็ต้องมีความหวาดกลัวในเรื่องภาษาอยู่แล้ว แต่เราก็ไม่สามารถหลีกเลี่ยงการใช้ภาษาได้ตลอดไป ในที่สุดก็ต้องเผชิญหน้ากับมัน ซึ่งคนเหล่านี้อยู่ในสถานการณ์ที่บีบบังคับให้ต้องพูดต้องใช้ภาษาอังกฤษ พวกเขาถึงได้ภาษาไงล่ะคะ ทีนี้ถ้าเราอยากจะได้ภาษา เราก็ต้องฝึกบังคับตัวเอง ให้พยายามฟัง พยายามคิดตามในสิ่งที่เราได้ยินมา เพื่อที่เราจะได้จำสำนวนประโยคต่างๆได้ ดังนั้นอย่าไปกลัวที่จะฝึกค่ะ

ซีรีส์หรือหนังบางเรื่องนอกจากจะทำให้เรามีอารมณ์คล้อยตามตัวละครแล้ว ยังทำให้เราฉุกคิดขึ้นได้ว่า เออเนอะ ภาษาอังกฤษมีการใช้แบบนี้ด้วย ซึ่งนอกจากคำศัพท์หรือสำนวนภาษาใหม่ๆที่เราได้เพิ่มพูนแล้ว ยังเป็นการทบทวนหลักไวยากรณ์บางอย่าง ที่ถึงแม้จะดูพื้นฐานแต่เรามักใช้กันผิด ให้เราฉุกคิดก่อนเลือกใช้อันที่เหมาะสมอีกด้วย

นุชเองเคยดูซีรีส์อยู่เรื่องหนึ่ง ชื่อว่า Ghost Whisperer นำแสดงโดย Jennifer Love Hewitt และ David Conrad สองคนนี้เคมีเข้ากันมากๆค่ะ อิอิ...ไม่ใช่ละ - -"  คือจะบอกว่า เรื่องนี้ดูจะเป็นเกี่ยวกับแนวผีๆก็จริง แต่เนื่องจากเนื้อเรื่องเกี่ยวข้องกับคนตายและเนื่องจากพระเอกมีอาชีพเป็น paramedic หรือ เจ้าหน้าที่กู้ชีพ ทำให้คนดูได้คำศัพท์ทางการแพทย์ไปบ้าง นอกจากนี้แล้วยังได้คำศัพท์และสำนวนภาษาที่ใช้กันในภาษาอังกฤษทั่วไปอีกด้วย




อีกสิ่งหนึ่งที่น่าสนใจจากการดูซีรีส์เรื่องนี้ก็คือ การใช้ tense ที่โดยปกติภาษาพูดเราอาจจะพูดผิดพูดถูกบ้าง ฝรั่งก็เข้าใจ แต่กรณีอย่างในเรื่องนี้ ความหมายเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิงเลยนะคะ ตัวอย่างเช่น สมมตินาย A ตายไปแล้ว และนางเอกกำลังคุยกับนาย B ซึ่งเป็นญาตินาย A อยู่ แล้วจู่ๆ วิญญาณของนาย A ก็โผล่มา ในเรื่องนางเอกจะเป็นคนที่เห็นผี ทีนี้นางเอกก็บอกกับนาย B ว่า He is here with us. นาย B ก็ตกใจ (พลางคิดในใจว่า นายเอตายไปแล้ว จะมาอยู่กับเราตอนนี้ได้ยังไง) จึงตอบไปว่า You mean he was [with us here]. คือนาย B จะสื่อว่า แกพูดผิดชิมิ จะบอกว่าเค้าเคยอยู่ที่นี่ล่ะสิ ปรากฏนางเอกบอกว่า He is. ยืนอยู่นี่ ตรงนี้แหละจ้า เงาตะคุ่มๆตรงนี้เลย แล้วก็อธิบายกันไปตามเรื่อง ว่านายเอมาเพื่อจะบอกลาไปเกิดใหม่อะไรก็ว่ากันไป

เห็นมั๊ยคะ บางทีการใช้ tense ผิด ทำให้ความหมายเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิงเลย ตัวอย่างที่ว่ามานี้


He was  here with us. กับ He is here with us. 

เป็นประโยคที่ไม่มีคำบอกเวลาด้วย ยิ่งทำให้งงกันไปใหญ่เลยว่าพูดผิดรึเปล่า ถ้าประโยคอย่างที่ยกมาจะทำให้ชัดเจนยิ่งขึ้น อาจจะเพิ่มคำว่า right now เป็น He is here with us right now. เพื่อที่ว่า ถ้าดันพูดผิดจริงๆ ก็ยังเข้าใจความหมายได้ตรงกัน เช่นเราจะบอกเพื่อนฝรั่งว่า เมื่อวานไปเที่ยวช้อปปิ้งมา ถ้าเราพูดผิดว่า Yesterday I go shopping. (จริงๆต้อง Yesterday I went shopping.) เพื่อนต่างชาติก็ยังคงเข้าใจว่าหมายถึงอดีต คือเมื่อวานนั่นเอง

พอหอมปากหอมคอกันแค่นี้ก่อนนะคะ ติดตามต่อตอนที่ 2 กันได้นะคะ

หากมีข้อสงสัยสามารถสอบถามและติดตามเราได้ทาง Facebook ที่ชื่อว่าKnowledge Is All Around  (https://www.facebook.com/knowledgeisallaround) นะคะ

อ้างอิง
Ghost Whisperer