Translate

Tuesday, November 5, 2013

เก่งภาษาอังกฤษจากซีรีส์ (ตอนที่ 1) - Tenses

เคยได้ยินหลายๆคนพูดว่า ชอบดูซีรีส์ บางคนก็ดูเพื่อความบันเทิงอย่างเดียว แต่บางคนก็ได้ภาษาขึ้นมาเป็นผลพลอยได้ ใช่ค่ะ การดูซีรีส์ก็เป็นวิธีการเรียนภาษาอังกฤษวิธีหนึ่งที่สนุกและก็ได้ซึมซับภาษาไปในตัวด้วย (เว้นแต่ว่าคุณจะดูเป็นพากษ์ไทย หรืออ่านคำบรรยายภาษาไทยตลอดเวลา อันนี้ก็อาจจะได้ไปแต่ความบันเทิงนะคะ)

เอาล่ะ ถ้าเราอยากได้ภาษา เราต้องอย่ากลัวที่จะเผชิญหน้ากับมัน บางคนกลัวว่าจะฟังไม่ออกแล้วดูไม่รู้เรื่อง เชื่อเถอะค่ะ ว่าคนที่ไม่ใช่เจ้าของภาษาต้องมีความกลัวเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ขึ้นอยู่กับว่าคุณจะพุ่งเข้าหามันหรือเปล่า เท่านั้นเอง




ลองคิดดูสิว่า เด็กแลกเปลี่ยนหรือคนที่ไปทำงานต่างประเทศเป็นครั้งแรก ต่างก็ต้องมีความหวาดกลัวในเรื่องภาษาอยู่แล้ว แต่เราก็ไม่สามารถหลีกเลี่ยงการใช้ภาษาได้ตลอดไป ในที่สุดก็ต้องเผชิญหน้ากับมัน ซึ่งคนเหล่านี้อยู่ในสถานการณ์ที่บีบบังคับให้ต้องพูดต้องใช้ภาษาอังกฤษ พวกเขาถึงได้ภาษาไงล่ะคะ ทีนี้ถ้าเราอยากจะได้ภาษา เราก็ต้องฝึกบังคับตัวเอง ให้พยายามฟัง พยายามคิดตามในสิ่งที่เราได้ยินมา เพื่อที่เราจะได้จำสำนวนประโยคต่างๆได้ ดังนั้นอย่าไปกลัวที่จะฝึกค่ะ

ซีรีส์หรือหนังบางเรื่องนอกจากจะทำให้เรามีอารมณ์คล้อยตามตัวละครแล้ว ยังทำให้เราฉุกคิดขึ้นได้ว่า เออเนอะ ภาษาอังกฤษมีการใช้แบบนี้ด้วย ซึ่งนอกจากคำศัพท์หรือสำนวนภาษาใหม่ๆที่เราได้เพิ่มพูนแล้ว ยังเป็นการทบทวนหลักไวยากรณ์บางอย่าง ที่ถึงแม้จะดูพื้นฐานแต่เรามักใช้กันผิด ให้เราฉุกคิดก่อนเลือกใช้อันที่เหมาะสมอีกด้วย

นุชเองเคยดูซีรีส์อยู่เรื่องหนึ่ง ชื่อว่า Ghost Whisperer นำแสดงโดย Jennifer Love Hewitt และ David Conrad สองคนนี้เคมีเข้ากันมากๆค่ะ อิอิ...ไม่ใช่ละ - -"  คือจะบอกว่า เรื่องนี้ดูจะเป็นเกี่ยวกับแนวผีๆก็จริง แต่เนื่องจากเนื้อเรื่องเกี่ยวข้องกับคนตายและเนื่องจากพระเอกมีอาชีพเป็น paramedic หรือ เจ้าหน้าที่กู้ชีพ ทำให้คนดูได้คำศัพท์ทางการแพทย์ไปบ้าง นอกจากนี้แล้วยังได้คำศัพท์และสำนวนภาษาที่ใช้กันในภาษาอังกฤษทั่วไปอีกด้วย




อีกสิ่งหนึ่งที่น่าสนใจจากการดูซีรีส์เรื่องนี้ก็คือ การใช้ tense ที่โดยปกติภาษาพูดเราอาจจะพูดผิดพูดถูกบ้าง ฝรั่งก็เข้าใจ แต่กรณีอย่างในเรื่องนี้ ความหมายเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิงเลยนะคะ ตัวอย่างเช่น สมมตินาย A ตายไปแล้ว และนางเอกกำลังคุยกับนาย B ซึ่งเป็นญาตินาย A อยู่ แล้วจู่ๆ วิญญาณของนาย A ก็โผล่มา ในเรื่องนางเอกจะเป็นคนที่เห็นผี ทีนี้นางเอกก็บอกกับนาย B ว่า He is here with us. นาย B ก็ตกใจ (พลางคิดในใจว่า นายเอตายไปแล้ว จะมาอยู่กับเราตอนนี้ได้ยังไง) จึงตอบไปว่า You mean he was [with us here]. คือนาย B จะสื่อว่า แกพูดผิดชิมิ จะบอกว่าเค้าเคยอยู่ที่นี่ล่ะสิ ปรากฏนางเอกบอกว่า He is. ยืนอยู่นี่ ตรงนี้แหละจ้า เงาตะคุ่มๆตรงนี้เลย แล้วก็อธิบายกันไปตามเรื่อง ว่านายเอมาเพื่อจะบอกลาไปเกิดใหม่อะไรก็ว่ากันไป

เห็นมั๊ยคะ บางทีการใช้ tense ผิด ทำให้ความหมายเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิงเลย ตัวอย่างที่ว่ามานี้


He was  here with us. กับ He is here with us. 

เป็นประโยคที่ไม่มีคำบอกเวลาด้วย ยิ่งทำให้งงกันไปใหญ่เลยว่าพูดผิดรึเปล่า ถ้าประโยคอย่างที่ยกมาจะทำให้ชัดเจนยิ่งขึ้น อาจจะเพิ่มคำว่า right now เป็น He is here with us right now. เพื่อที่ว่า ถ้าดันพูดผิดจริงๆ ก็ยังเข้าใจความหมายได้ตรงกัน เช่นเราจะบอกเพื่อนฝรั่งว่า เมื่อวานไปเที่ยวช้อปปิ้งมา ถ้าเราพูดผิดว่า Yesterday I go shopping. (จริงๆต้อง Yesterday I went shopping.) เพื่อนต่างชาติก็ยังคงเข้าใจว่าหมายถึงอดีต คือเมื่อวานนั่นเอง

พอหอมปากหอมคอกันแค่นี้ก่อนนะคะ ติดตามต่อตอนที่ 2 กันได้นะคะ

หากมีข้อสงสัยสามารถสอบถามและติดตามเราได้ทาง Facebook ที่ชื่อว่าKnowledge Is All Around  (https://www.facebook.com/knowledgeisallaround) นะคะ

อ้างอิง
Ghost Whisperer

No comments:

Post a Comment